ในการทำเว็บไซต์ เราต้องมีอะไรเป็นอันดับแรก?
ก. มีเงินพร้อมจ่าย
ข. มีแบบเว็บที่อยากได้
ค. มีทีมทำเว็บให้ หรือ ทำเว็บเองเป็น
ข้อ ก. ข. ค. คือสิ่งที่เกือบทุกคนที่จะทำเว็บไซต์มี
แล้วอะไรล่ะคือสิ่งที่เราต้องมีเป็นอันดับแรกจริงๆ?
คำตอบคือ “Website Strategy”
Website Strategy คืออะไร?
Website Strategy คือ แผนการสร้างเว็บไซต์และคอนเทนต์ โดยมีเป้าหมายให้เราสร้างเว็บไซต์ธุรกิจที่ตอบโจทย์ ในขณะที่คุม Scope คุม Budget และวัดผลได้
ถ้าคุณเคยทำเว็บ หรือเจอเว็บที่:
- สวยอลังการ จนใช้ยากเกินไป
- โหลดเร็ว ผ่านทุก Speed Test จนเรา Obsess กับ Speed จนไม่เป็นอันทำอย่างอื่น
- มีข้อมูลแน่นเอี้ยด แต่ไม่รู้เป็นข้อมูลที่ลูกค้าต้องการหรือไม่
- เน้น Conversion สุดๆ แต่อาจจะขาดเรื่อง Branding
การลืมคิดถึง Website Strategy คือสาเหตุหลักที่ทำให้เว็บไซต์ขาดทิศทางความชัดเจน ใช้เวลาทำนาน และสุดท้ายทำให้ได้เว็บไซต์ที่ไม่ค่อยพร้อมสำหรับการเอาไปทำการตลาดต่ออย่างน่าเสียดาย
ในบทความนี้โบจะมาแนะนำ Website Strategy ที่จะช่วยให้:
- ลูกค้าเป้าหมายเจอเรา
- ลูกค้าเป้าหมายเชื่อถือเรา
- ลูกค้าเป้าหมาย Take Action
Website Strategy #1: กลยุทธ์ทำเว็บให้ลูกค้าเป้าหมายเจอเรา (Organic SEO Traffic)
หากเราทำเว็บไซต์แล้ว แต่ไม่มีใครเข้า เว็บไซต์นี้ก็ไม่มีประโยชน์
เว็บไซต์ที่ดีจะต้องมีการทำ on-page SEO ที่ดี เพื่อช่วยให้คนมาเจอเว็บเราแบบ organic (ไม่ต้องเสียเงินยิงโฆษณา)
วิธีการทำ on-page SEO ให้คนมาเจอเรา:
1) มีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี
โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี ช่วยให้ Search Engines สามารถอ่านและเข้าใจเว็บไซต์เราง่ายขึ้น
เมื่อ Search Engine เข้าใจเว็บเรา รู้แล้วว่าแต่ละหน้าอะไรคือใจความสำคัญ ก็สามารถนำเว็บเราไป Serve ให้กับคนที่กำลังต้องการข้อมูลแต่ละอย่างได้ถูกต้อง
ซึ่งการทำให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่ดี ก็อย่างเช่น
- การวางแผน URL Structure
- การแบ่งหมวดหมู่ของคอนเทนต์
- การเชื่อมโยงของเว็บแต่ละหน้า
- การจัดลำดับความสำคัญของ Content ในหน้านั้นๆ
การมีโครงสร้างเว็บที่ดีจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ Dev แต่เป็นเรื่องของ Marketing ด้วย
คลิกดูวิดีโอวิธีเช็คว่าโครงสร้างเว็บไซต์เรา SEO ดีหรือไม่ใน 5 นาที
2) มีคอนเทนต์ที่ดีตอบทั้งผู้อ่านและ Search Engine (SEO)
เว็บไซต์ที่จะดึงดูดให้คนมาเจอ จะต้องมี Content ที่ดี
คอนเทนต์ที่ดีไม่ใช่คอนเทนต์เขียนสละสลวย ทำรูปกราฟฟิกเฉียบ
แต่ต้องเป็น Content ที่สร้างขึ้นมา “เพื่อผู้อ่าน” ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา
ถ้าช่วยแรกยังไม่รู้จะทำคอนเทนต์อะไร ขอให้ลองรวบรวมคำถามของลูกค้าที่ถามบ่อยๆ เอามาทำคอนเทนต์ดู เพราะคอนเทนต์แบบนี้ตอบโจทย์ให้กับผู้อ่าน และเป็นคอนเทนต์ที่ดีต่อ SEO เช่น
- อยากทำเว็บ ต้องจ่ายเท่าไหร่?
- Email marketing คืออะไร?
- เครื่อง POS ร้านอาหาร มีแบบไหนบ้าง?
เมื่อมีคอนเทนต์ที่ดีแล้ว บวกเข้ากับ เทคนิคการทำ SEO พื้นฐาน ก็จะทำให้ Search Engine ค่อยๆ ส่งเว็บไซต์และคอนเทนต์เราไปหาคนที่เขามีปัญหานั้น
3) รู้จักการโปรโมตเว็บไซต์
ในช่วงแรกของการทำ Content นั้นทำใจได้เลยว่า จะยังไม่มีใครหาเราเจอ
สิ่งที่เราทำได้คือการนำ Content บนเว็บของเราไปโปรโมต
ซึ่งสามารถเริ่มทำได้โดย
- บน Social Media ของเราเอง
- ขอให้เพื่อน ครอบครัวช่วยโปรโมต
- นำไปโพสต์ Community ที่กลุ่มเป้าหมายเราอยู่กัน เช่น Facebook group, Pantip
ข้อควรระวังคือ อย่าคิดแต่จะขายของ ให้เน้นการให้คุณค่าให้กับคนใน Community นั้นก่อน
Website Strategy #2: กลยุทธ์ทำเว็บให้ลูกค้าเป้าหมายเชื่อถือเรา
หลังจากที่ทำให้ลูกค้าเจอเราแล้ว สิ่งต่อมาที่เราต้องทำให้เกิดขึ้นก็คือ
“สร้างความน่าเชื่อถือบนเว็บไซต์”
1) การออกแบบที่ดูเป็นมืออาชีพ
ถ้าคุณเคยไปร้านอาหารที่เล็งไว้ แต่พอไปถึงหน้าร้านแล้วร้านดูรก พนักงานไม่เป็นมิตร สกปรก
เว็บไซต์ของเราก็ไม่ต่างกัน
การตกแต่งทำเว็บไซต์ให้ดูสวยงาม ใช้ง่าย ช่วยให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือไปแล้ว 568% (ตัวเลขสมมติ)
อ่านบทความ การออกแบบเว็บที่เรียบง่าย
2) ดูขายดี มีลูกค้าชอบ
เรายังอยู่ที่ร้านอาหารด้านบน แต่หลังจากร้านนี้ปรับปรุงตัวเป็นร้านที่สวยงาม สะอาด พนักงานเฟรนด์ลี่แล้ว
แต่กลับเป็นร้านที่ไม่มีคนทาน แถมยังไม่มี เรทติ้งใดๆ ใน Google และ Wongnai อีก!
เป็นคุณก็คงลังเลใช่มั้ยว่า “เหย ทำไมไม่มีคนเลย หรือจะเปลี่ยนไปร้านอื่นดีไหมนะ?”
การเข้าเว็บไซต์นั้น เวลาเข้า เราไม่ได้เห็นว่ามีใครเข้าเว็บกับเราด้วย สิ่งที่เราควรทำก็คือ
การแสดงให้เห็นว่า “เว็บฉันมีคนเข้านะ บริษัทฉันมีลูกค้านะ”
ซึ่งสามารถทำได้โดย
- การขอ Testimonial จากลูกค้า
- การเอา Review หรือคำชมจากลูกค้ามาโชว์
- การทำ Case Study
- หรือการสัมภาษณ์ผู้ใช้
3) ยืมความน่าเชื่อถือของคนอื่นมาใช้
นอกจากคำเยินยอ รีวิวจากลูกค้าแล้ว การยืมเอา Credential ของบริษัทชื่อดังที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วมาใช้ ก็เป็นวิธีหนึ่งในการสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ธุรกิจของเรา
ซึ่งเราสามารถที่จะใช้
- Logo ของบริษัทลูกค้าจริงที่เป็นที่รู้จัก
- สื่อที่พูดถึงเรา
- หรือบริษัท Partners
สำคัญคือต้องเป็นองค์กรที่เราเกี่ยวข้องจริง และทางที่ดีคือควรขออนุญาตแต่ละองค์กรก่อนเสมอ
Website Strategy #3: กลยุทธ์ทำเว็บให้ลูกค้าเป้าหมาย Take Action
หลังจากที่ลูกค้าเชื่อถือเราแล้ว จุดนี้ล่ะที่เราจะต้องทำให้เขา Take Action
ซึ่งเราต้องชัดเจนว่า เราอยากจะให้ลูกค้า “ทำอะไร” ก่อนที่เขาจะจากเราไป (หากเกิด Action ขึ้น จะเรียกว่าเกิด Conversion)
สำหรับธุรกิจ B2C หรือเว็บขายสินค้าออนไลน์ เราคงอยากให้ลูกค้าควักบัตรเครดิตมาซื้อของจากเรา
แต่หากเราเป็นธุรกิจ B2B, Service Business ที่การขายของไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่าย ต้องอาศัยการตัดสินใจ และใช้เวลา เว็บไซต์จะทำหน้าที่เป็นการเก็บ Lead ของคนที่สนใจ
วิธีการทำให้ลูกค้า Take Action
1) ชัดเจนว่า Action ที่ต้องการมีอะไรบ้าง?
ตอบให้ได้ว่าเว็บทั้งเว็บ Action หลัก (Macro Conversion)
และ Action รอง (Micro Conversion) ที่อยากให้เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
2) มี CTA (Call to Action) ที่โดดเด่น ตรงประเด็น
สิ่งที่เรามักจะตกม้าตายได้ง่ายๆ คือการทำปุ่มหรือลิงก์ Call to Action แล้วคนไม่เห็น
เพราะคนเข้าเว็บส่วนมากเขาไม่ได้มานั่งดูเว็บอย่างละเอียด แต่จะใช้วิธี Scan คอนเทนต์แบบเร็วๆ เพื่อหาสิ่งที่เขาต้องการ และแน่นอนว่าถ้าปุ่มที่เราอยากให้ลูกค้ากด ไม่แตะตาล่ะก็ ก็จะถูกมองผ่านไปได้อย่างง่ายๆ
เราจึงต้องทำปุ่มหรือลิงก์ CTA ให้โดดเด่นและเข้าใจได้ทันทีว่าหากคลิกไปแล้ว เขาจะได้อะไร
3) เก็บข้อมูล
การเก็บข้อมูล Journey แต่ละ Step ทำให้เรานำไปวัดผล และพัฒนาต่อได้ว่า Action ที่เราคาดหวัง ทำได้เท่าไหร่ และจะปรับปรุงใน Step ไหนได้บ้าง
ซึ่งสามารถทำได้โดยการ Set Goal Tracking ใน Google Analytics (สามารถให้ทีมที่ดูและเว็บหรือ Marketing ช่วย Setup ให้ได้)
Website Strategy ที่ดีจะทำให้เราได้เว็บไซต์ที่เป็นทั้ง Marketing, Sales แถมด้วย Presenter ที่ทำงาน 24 ชั่วโมงให้กับเรา
และนี่ก็คือ Strategy ทั้ง 3 ข้อหลักและ 3 ข้อย่อยที่น่าจะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้
โดยเริ่มตั้งแต่การทำให้คนเจอเว็บไซต์ เมื่อเจอแล้วเกิดความน่าเชื่อถือ พอเชื่อแล้วก็อยากจะที่จะ Take Action ไม่ว่าจะเป็นการติดตาม ไปจนถึงการติดต่อเข้ามาเพื่อทำธุรกิจด้วย
หรือหากคุณยังไม่ได้ทำเว็บไซต์ใหม่ ก็สามารถใช้ Strategy เหล่านี้รีวิวและเอาไปปรับเว็บเดิม ก็จะช่วยให้เว็บดีขึ้นได้เช่นกัน
หากคุณกำลังมองหามืออาชีพมาช่วยออกแบบจัดทำเว็บไซต์
ตอนนี้โบกำลังเปิดบริษัทที่รับสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ B2B Professional Service โดยเฉพาะ หากคุณสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ Basicmagic – Bangkok Web Design Agency for B2B Business