หลังจากเป็น Solopreneur อย่างเต็มตัวมาได้ปีกว่า ทุกวันนี้เวลาอธิบายว่าทำอะไร คนก็ยังงงกัน
บทความนี้โบเลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่า Solopreneur คืออะไร มีโอกาสอะไรบ้าง เหมาะหรือไม่เหมาะกับใคร เพื่อให้คนที่สนใจเส้นทางนี้ได้ลองตัดสินใจดูค่ะ
Solopreneur คืออะไร?
Solopreneur คืออะไร คนที่ลุยทำธุรกิจแบบคนเดียว โดยไม่มีพนักงานแบบ full-time หรือหุ้นส่วนใหญ่คนอื่นๆ
แนวคิดการเป็น Solopreneur สำหรับโบคือ:
LEAN – มี startup cost และ fixed cost น้อย ตัดสิ่งไม่จำเป็น เช่น การเช่า office การมีพนักงานประจำ ออกก่อน
OWNERSHIP – ทำเอง ตัดสินใจเอง ทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว (สามารถมีผู้ช่วยเป็นคนในครอบครัว หรือ part-time, contractors มาช่วยได้)
TECH – 1 ในสิ่งที่ทำให้การเป็น online solopreneur เป็นเทรนด์ขึ้นมาก็คือ technology ที่ทำให้คนคนเดียว สามารถทำงานให้เสร็จขึ้นเร็วขึ้น ดีขึ้น (อย่างที่เราเห็น AI Tools มากมายตอนนี้)
COMMUNITY – การสร้าง community ผู้ติดตาม และมีกลุ่มก้อนของ solopreneurs คนอื่น ที่จะช่วยสนับสนุนกันและกัน เพราะเราไม่สามารถสำเร็จคนเดียวได้นั่นเอง
Solopreneur เค้าทำอะไรกัน?
Professional Service – a.k.a. Freelance
หากไม่รู้จะหารายได้เสริม หรือเริ่มเป็น solopreneur ยังไง งานแรกที่แนะนำก็คือการทำ service หรือ freelance เพราะเริ่มได้เร็วสุด ไม่จำเป็นต้องเรียนจบปริญญามาโดยตรง ศึกษา ฝึกฝน แล้วก็เริ่มรับงานได้เลย
ซึ่ง services ที่พิสูจน์แล้วว่ามีความต้องการในตลาดก็อย่างเช่น Web design, Ghostwriting, Content writing, Video editing, Social media management เป็นต้น
การเริ่มรับงานเพราะจะทำให้เราได้ฝึกความสามารถในขณะที่ก็ได้เงินไปพร้อมๆ กัน พอรู้ตลาดและมี skill แล้ว จะขยับขยายเป็น Agency โดยการส่งต่องานให้กับทีมงาน (ที่ไม่จำเป็นต้องเป็น full-time) หรือจะต่อยอดไปสาย Creator Educator ก็ได้
โบเองก็เริ่มจากการทำงานฟรีแลนซ์เป็นอย่างแรก จนเปิดบริษัท Agency ปัจจุบันก็ยังมีรับงานที่เป็น Professional Service อยู่
Content Creator สาย Lifestyle
ใครชอบแนว Lifestyle ก็เริ่มเป็น nano, micro influencers ได้ตามช่องทาง และการทำคอนเทนต์ที่เราถนัดไม่ว่าจะเป็น Social media, Blog, YouTube, Podcast etc.
ตัวอย่างการสร้างรายได้: sponsorship, affiliate, brand deal, premium content subscription
หรือถ้าเรามีผู้ติดตามเยอะ ก็สามารถที่จะต่อยอดออกสินค้ามาขายให้กับผู้ติดตามโดยตรงได้เลย
Content Creator สาย Education
Content Creator สาย Education จะต่างจากสาย Lifestyle ตรงที่โดยมากเราจะสร้างรายได้จากคอนเทนต์โดยตรง ไม่ได้อาศัย sponsors หรือแบรนด์มา support
ตัวอย่างช่องทางรายได้: คอร์สออนไลน์ ให้คำปรึกษา ขาย template, ebook, ไฟล์เพื่อนำไปใช้งาน
โบเองตกอยู่ในสายนี้เช่นกัน คือทำคอนเทนต์ให้ความรู้เรื่อง Personal Branding และถ้าใครสนใจก็สามารถเข้าโปรแกรมแบบ 90 วัน หรือ มาเรียนคอร์ส Personal Brand ที่โบเปิดได้
E-commerce Business
ถ้าเป็นแต่ก่อน การขายของออนไลน์ไม่ได้ง่าย ไหนจะต้องไปซื้อของมาขาย ถ้าผลิตเองก็ต้องไปโรงงาน ขายได้ก็ต้องแพ็คของ ต้องส่งของเอง แต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นแล้ว เราสามารถทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบบนออนไลน์ และสามารถขายได้ทั่วโลกด้วย!
ถ้าใครชอบขายของแนว Physical products ก็มีช่องทางอย่าง Amazon FBA, Etsy หรือในไทยก็ Shopee, Lazada
หากใครจะทำแบรนด์ก็สามารถสร้างเว็บขายของได้ใน 1 วันด้วย shopify ส่วนของที่จะส่งก็ใช้บริการ Fulfillment Service ได้
โบเองก็ทำ ธุรกิจ E-commerce ชื่อว่า DailySleek แบรนด์อุปกรณ์จัดระเบียบการทำงาน ขายอยู่บน Amazon FBA, Shopee, Lazada และเว็บไซต์ DailySleek.com และมีอีกธุรกิจเล็กๆ ขายบน Etsy ด้วย
Solopreneurship เหมาะกับใคร?
Entrepreneurship ไม่ได้เหมาะกับทุกคนฉันใด Solopreneurship ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนฉันนั้น สำหรับโบคิดว่า Solopreneurship เหมาะกับ:
- คนที่ชอบเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ชอบคิดไอเดีย ชอบทดลอง ลงมือทำ จะสนุกกับงานนี้ เพราะได้ทำทุกวันแน่นอน
- คนที่อยากมี ownership 100% ในสิ่งที่ทำ อยากทำอะไร มีไอเดียอะไร ตัดสินใจ ลงมือทำได้เร็ว
- คนที่ชอบเรื่อง Technology การใช้ Tools, software เพราะเราจะใช้เครื่องมือต่างๆ ได้แบบไม่เหนื่อย และเห็นโอกาสใหม่ๆ ได้เร็ว
- คนที่อยากวางตารางชีวิตตัวเอง และทำงานจากที่ไหนก็ได้ ข้อนี้คือจุดขายของการเป็น solopreneur เลย
ข้อเสียล่ะ?
การเป็น solopreneur เหมือนจะ sexy ชีวิตดี ไปไหนมาไหนสะดวก ทำงานร้านกาแฟ แต่จริงๆ แล้วก็เหมือนทุกอย่างในชีวิต มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย
เก็บตัวเกินไป
อย่างโบเองแม้จะเป็น introvert 98.5% พอทำงานคนเดียวทุกวัน ก็ยังหม่นๆ ในบางช่วง วิธีแก้ที่ใช้ได้ผลคือ
- ไปออกกำลังกายเข้าคลาสทุกวัน ให้ได้เจอมนุษย์คนอื่นบ้าง
- นัดเพื่อน หรือคนที่ทำงานใกล้เคียง มาแลกเปลี่ยนอย่างน้อย bi-weekly
คีย์คือการยังคงมีสังคม จะแบบไหน เลือกของเราได้เลย (นี่ก็อีกข้อดีนะ เลือกสังคมได้เอง)
ความไม่แน่นอน
รายได้ – ที่ไม่ได้มั่นคงเหมือนเราทำงานประจำมีเงินเดือน การเป็น solopreneur ในช่วงแรกเรื่องการเงินจะค่อนข้างคาดเดาไม่ได้ บางเดือนได้เยอะ บางเดือนไม่ได้เลย ก็ต้อง manage ตรงนี้ดีๆ และพยายามทำให้รายได้สม่ำเสมอมากขึ้นเรื่อยๆ
ตารางชีวิต – ที่ไม่มีใครมากำหนด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา มีคนรู้จักหลายคนที่ชอบการเข้างานเป็นเวลา พอมาทำของตัวเองแล้วงง ไม่มีคนกำหนดเวลาให้ ก็อาจจะไหลไปเรื่อย
Flexible เกินไป
ด้วยความที่ทุกอย่าง flexible มาก บางทีคนไม่มีวินัย หรือผัดวันประกันพรุ่งก็อาจจะ struggle ได้
อย่างโบเอง ชอบกำหนดตารางตัวเอง มีเป้าหมายชัด แต่พอไม่ได้มี deadline ของงานก็จะทำให้ไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วิธีแก้คือการตั้ง milestone ประกาศขึ้นมา ให้คนรับรู้ อย่างเช่น การเปิดคอร์สสอน Personal Branding โบประกาศไปก่อน แล้วที่เหลือเดี๋ยวหาทางให้เกิดขึ้นได้เอง
มีอะไรแนะนำให้คนที่สนใจจะเริ่มไหม?
เริ่มเลย! แต่ต้องมี backup plan – ถ้ามีงานอื่นอยู่แล้ว อย่าเพิ่งเลิก! ให้ทำควบคู่กันไปก่อน จะได้มี backup เผื่อไว้ถ้ามันไม่เวิร์ค การเงินจะได้ไม่ลำบากมาก
ค้นหาตัวเอง – ลองคุยกับตัวเอง จากไอเดียด้านบน อะไรคือสิ่งที่เราตื่นเต้นสุด อยากทำมานานแล้ว มี skills เป้าหมายตรงนี้คือการเริ่มให้เร็วที่สุด และไม่จำเป็นต้องคิดว่าเลือกแล้วเลือกเลย เพราะถ้าลองทำแล้วไม่เวิร์ค เราก็จะได้ทางที่ไม่ใช่ออกไปได้ 1 ทาง แบบที่ไม่ได้ต้องคิดไปเอง :)
เริ่มสร้าง personal brand – personal brand จะดึงให้เราได้พบเจอกับลูกค้า กับ partner ทำให้เราแตกต่างจากคนที่ทำเรื่องเดียวกัน ที่สำคัญ ยังเป็นช่องทางให้เราได้ ‘document’ เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการแบบ solo ของเราด้วย
สรุป
การมี flexibility ในการเลือกใช้ชีวิต คือ luxury อย่างแท้จริง
และการเป็น solopreneur ก็ตอบโจทย์ในสิ่งนี้
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับคนที่สนใจการเป็น solopreneur อยู่
ถ้าคุณอยากเริ่มทำ Personal Branidng ด้านล่างคือสิ่งที่โบช่วยคุณได้:
1. Personal Brandin Launchpad คอร์สสอนทำ Personal Branding แบบสอนสดออนไลน์ เรียน 4 ครั้ง เริ่มเรียนวันที่ 18 พ.ย.-6 ธ.ค. รอบนี้เป็นรอบแรก สอนแบบจัดเต็มแน่นอน! อยากให้มาจอยกันค่ะ :)
2. จองเวลาปรึกษากับโบแบบ 1:1 ถามคำถาม ปรึกษาพูดคุย เพื่อเคลียร์ปัญหาที่คุณติดอยู่ (หรือเจอว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร) ในเรื่อง Personal Branding หรือ Online Business หลังจบ Session คุณจะเคลียร์และรู้ next step actions ที่เอาไปทำต่อได้ทันที
3. Personal Branding Machine Program โปรแกรมโค้ชชิ่งแบบ 90 วัน สำหรับ Business Owner, Founders ที่จะช่วยให้คุณมี Personal Branding ที่ชัดเจน แบบ Step by Step พร้อมให้คำปรึกษารายแบบ 1:1