หลังจากเล่น CrossFit (ครอสฟิต) มาตั้งแต่ปี 2018 นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงชีวิตที่สุขภาพกายและจิตใจดีที่สุดตั้งแต่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มา ไม่นับตอนสมัยเด็กๆ ที่เป็นเด็กสายกีฬามาตลอดตั้งแต่อนุบาลจนเข้ามหาวิทยาลัย ในบทความนี้จึงอยากจะเขียนบันทึกถึงประสบการณ์ สิ่งที่ได้ สิ่งที่เรียนรู้ จากการเล่นครอสฟิตเอาไว้ให้ตัวเองและผู้ที่ผ่านมาผ่านไปอ่านกัน
CrossFit (ครอสฟิต) คืออะไร?
ส่วนตัวชอบคำจำกัดความที่ว่า “CrossFit คือ The Sport of Fitnesss” แปลเป็นไทยได้ว่า เอาการออกกำลังกายต่างๆ มาแปลงร่างให้กลายเป็นเกมส์กีฬา ที่มีองค์ประกอบทั้งการแข่งขันกับคนอื่น และกับตัวเอง เราจึงสามารถเรียก กีฬา CrossFit ได้ไม่ต่างจากกีฬาอื่นๆ
ครอสฟิต คือ การออกกำลังกายที่มีท่าหลายๆ อย่างให้เราได้เล่น โดยจะผสมผสานกันระหว่าง Cardio (High Intensity), Weight Lifting, Gymnastic และ Functional Movements (ท่าทางต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น Box Jump, วิ่งแบกของ, ปีนที่สูง)
รูปแบบการเล่นของแต่ละ Workout ก็จะไม่เหมือนกันเลย มีทั้งแบบ
AMRAP คือ As Many Rounds As Possible = ทำให้ได้มากที่สุดในเวลาที่กำหนด
EMOM คือ Every Minute On the Minute = ทำท่าตามที่กำหนดในทุกๆ 1 นาที
RFT คือ Round For Time = ทำ workout ที่กำหนดให้ครบรอบให้เร็วที่สุด
WOD คือ Workout Of the Day = ชุดของการออกกำลังกายในวันนั้นๆ
ครอสฟิต คือ การผสม Movements กับรูปแบบที่หลากหลาย ก็จะได้ Workout ออกมาไม่ซ้ำกันเลย ทำให้เกิดความท้าทายและรู้สึกสนุกลุ้นทุกครั้ง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า Workout ที่เราจะได้เล่น มันมีอะไรที่เรา “ไม่รู้” อยู่บ้าง
เล่น CrossFit ได้อะไรบ้าง?
1. ร่างกาย
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะวิ่ง แต่ก็ไม่ค่อยสม่ำเสมอ วิ่งต่อเนื่องได้ไม่เกิน 3 เดือน ก็มีอันต้องหยุดไป ปวดเข่าบ้าง พอซ้อมมาซะเต็มที่ จะไปแข่ง Half-marathon ก็ท้องเสียหนักก่อนวันแข่งจนเซ็งไปบ้าง จนเพื่อนล้อว่าเมื่อไหร่จะวิ่งจบฮาล์ฟซักที สามปีแล้วนะ! เวลาก็ไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ (อัปเดต ตอนนี้วิ่งจบไป 2 ฮาล์ฟแล้ว แต่ก็ยังรู็สึกว่าไม่ใช่แนว 555)
จนมาเล่น CrossFit ก็ยิ่งวิ่งน้อยลงไปอีก เหลือเดือนละประมาณ 1 ครั้ง! แต่แปลกชะมัดที่ทุกครั้งที่ไปวิ่ง เหมือนไปทดสอบสมรรถภาพร่างกายแล้วพบว่า เห้ยทำไมเราวิ่งได้เร็วขึ้น อึดขึ้นซะอย่างนั้น VO2Max ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
อันนี้ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน เพราะหลังจากนั้นก็มีไปลองเล่นกีฬาอื่นๆ ที่แต่ก่อนเคยเล่นแล้วเหนื่อยโฮก หอบแฮก เหมือนจะตายทุกครั้งไป ตอนนี้กลายเป็นว่า “เห้ย ทำไมไม่เหนื่อยเลย” “เห้ย ทำไมทำได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ”
ทั้งที่แน่นอน 1. อายุมากขึ้น 2. ไม่ได้เล่นกีฬานั้นๆ บ่อยเลย
ก็เลยสรุปได้ว่ามันทำให้เราแข็งแรงขึ้นได้จริงๆ จากรูปแบบการออกกำลังกายแบบองค์รวม คือได้ทั้งความแข็งแรง ความอึดอดทน ความคล่องตัว ที่สุดท้ายแล้วเราสิ่งที่ได้เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการเล่นกีฬาประเภทอื่นได้หมดเลย
Our program delivers a fitness that is, by design, broad, general, and inclusive. Our specialty is not specializing.
– CrossFit HQ
2. จิตใจที่แข็งแร่ง
เรามักจะพูดกันขำๆ ว่า CrossFit มันใช้ใจเล่น ซึ่งบอกเลยว่าจริงมากที่สุด เพราะสุดท้ายจิตใจของเราเองนี่ล่ะ ที่จะบอกเราว่าจะไปต่อหรือยอมแพ้!
หากใครอยากจะมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ก็ขอชวนมาเล่นครอสฟิตด้วยกัน เพราะว่าได้ชื่อว่าเป็นกีฬาที่เหนื่อย แบบ เออ โคตรเหนื่อย พอมันเหนื่อยแบบสุดๆ ก็จะทำให้จิตใจเราแข็งแกร่งขึ้นมาเอง เพราะ
- เรารู้ว่าในที่สุดแล้วเราจะผ่านมันไปได้ (เพราะเราก็ผ่านมาได้ทุกวัน แม้จะเสียสภาพกันไปบ้าง นอนกองกับพื้นทุกวัน)
- เรารู้ว่าหนทางที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น มันก็ต้องผ่านอุปสรรค ความยากลำบาก แต่ถ้าผ่านมันไปได้ เราจะดีขึ้น เก่งขึ้นได้อย่างแน่นอน
- เลิกบ่นจุกจิก เอ้า โค้ชให้ทำก็ทำ จับบาร์ก็จับ เหนื่อยเดี๋ยวก็หาย (ก็คือคุยกับตัวเองหนักมากตลอดเวลา)
- มองเห็นสิ่งต่างๆ ไม่ใช่แต่การออกกำลังกาย เป็นความท้าทายในชีวิต ที่อยากจะจัดการมันให้อยู่หมัด!
- มีสติอยู่กับปัจจุบัน คือเวลาเล่น WOD (workout of the day) เราจะต้องทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด มันคือไม่ทันแล้วที่เราจะมานั่งคิดว่า เราไม่พร้อม ท่านี้เราทำไม่เก่ง ไม่ดี เพราะไม่ว่ายังไงมันก็แก้ตอนนี้ไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือ ค่อยๆ ทำไปแบบ one by one จนจบ มีสติอยู่กับปัจจุบันไปนั่นเอง
3. สังคมที่อบอุ่นและมีคุณภาพ
สังคม CrossFit ถือเป็นสังคมที่อบอุ่นมาก 2 ปีที่ผ่านมานี้ ได้รู้จักเพื่อนใหม่เป็นสิบคน คือจุดเริ่มต้นก็อาจจะเป็นเพราะพวกเราเป็นคนที่อินกับกีฬานี้เหมือนกันนี่ล่ะ เจอกันที่ยิมสัปดาห์ละหลายๆ วันเข้า ก็กลายเป็นเพื่อนกันซะงั้น ทั้งโค้ช ทั้งเจ้าของยิม ก็กลายเป็นเพื่อนกันไปหมด
แถมคนที่อินครอสฟิตก็มักจะอินเรื่องสุขภาพ เรื่อง Work Life Balance ไปด้วย มันทำให้เราพูดคุยกันในเรื่องที่มันบวกๆ เรื่องที่ส่งเสริมกันและกัน
เรื่องของ Community และ Inclusive Environtment ถือเป็นหนึ่งใน Core Principle ที่ตั้งใจออกแบบมาให้ Gymใช้เป็นมาตรฐาน รวมถึงโค้ชก็จะต้องให้ความสำคัญ ถ้าคุณไปคลาสครอสฟิตครั้งแรก คุณจะไม่รู้สึกแปลกแยก มีการแนะนำตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมคลาส โค้ช ทุกคนจะเป็นมิตร พร้อมให้คำแนะนำกับคุณแน่นอน
นอกจากการกำหนดมาตรฐานของยิมและของโค้ชแล้ว สิ่งที่ทำให้ Inclusive Environtment เกิดขึ้นได้จริงก็คือ รูปแบบของ Workout ที่สามารถ Scale หรือปรับให้ทุกคนสามารถเล่นให้คลาสเดียวกันได้ แม้ว่าจะอยู่กันคนละ Level ก็ตาม
4. วินัยในชีวิตที่ไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย
ช่วงที่เล่น CrossFit นี่คือช่วงชีวิตที่มีการแผนแผนล่วงหน้า และเริ่มมีวินัยกับตัวเองมากที่สุดช่วงนึงในชีวิตเลยทีเดียว
เพราะเราอยากเล่นให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4-5 วัน วิธีที่ดีที่สุด (ณ ตอนนี้) ที่จะทำให้สิ่งที่ตั้งใจทำมันเกิดขึ้นก็คือ “การ Block Calendar” หรือบางคนก็เรียกว่า “Time Boxing” ซึ่งก็คือการจองเวลาของเราใน Calendar ในสิ่งที่เราต้องการจะทำ
ปกติเราจะมีการ Block Calendar เรื่องออกกำลังกายล่วงหน้าเป็นรายสัปดาห์ พอด้านร่างกายและสุขภาพมีเวลาให้แล้ว ด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้พัฒนาความรู้ การพัฒนาจิตใจ การพัฒนาความสัมพันธ์ ก็ต้องจัดไปให้เสมอภาคกันไปด้วย
หากคุณอยากจะออกกำลังกาย หรืออยากทำอะไรให้เกิดขึ้นและต่อเนื่อง ลองเอาวิธีวางแผน Block Calendar ล่วงหน้ารายสัปดาห์ไปใช้ดู
5. คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบองค์รวม
จากเหตุผลข้อบนๆ ทั้งหมด มันส่งผลให้เรารู้สึกว่าช่วงนี้ล่ะ คือช่วงชีวิตที่เราเป็น Best Version of Myself จริงๆ :)
- มี Posture ของร่างกายที่ดีขึ้น มีกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกายเยอะขึ้น ยืนตรงมากขึ้น มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม
- ได้ฝึกฝนจิตใจในทุกๆ วันให้เอาชนะตัวเอง ซึ่งมันก็ส่งผลให้เราเอาแนวคิดเรื่องนี้มาปรับใช้กับเรื่องอื่นโดยไม่รู้ตัว
- มีสังคมที่พูดคุยส่งเสริมกันในเรื่องสุขภาพและอินเรื่องออกกำลังกายไปด้วยกัน
- เกิดความมั่นใจในร่างกายตัวเอง ซึ่งส่งผลไปถึงจิตใจ การใช้ชีวิต การเข้าสังคม ฯลฯ
ถ้าอยากรู้ว่าเล่น CrossFit ต้องใช้ใจเยอะแค่ไหน และได้อะไรไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ ในชีวิตบ้าง อยากให้ลองหาหนังสือ Chasing Excellence ของโค้ช Ben Bergeron มาอ่านดูค่ะ เล่มนี้เป็นหนังสือที่ชอบมากอยู่ในหน้า หนังสือแนะนำ ด้วย
คุณอาจจะชอบ/ควรลอง CrossFit ถ้าคุณเป็นคนที่:
- ออกกำลังกายมานักต่อนัก แต่ยังไม่อินกับอะไรซักอย่างซะที
- ชอบการเล่นเกมส์ ชอบการแข่งขัน ความท้าทาย
- อยากที่จะเปิดสังคมตัวเองให้กว้างขึ้น
- อยากมีร่างกายแข็งแรงขึ้นแต่ก็เบื่อกับการเข้าฟิตเนสวิ่งลู่
- อยากจะมี Best Version ของตัวเองกับเค้าซักที!
เอาเป็นว่า 5-6 ปีที่ผ่านมากับครอสฟิตเราได้อะไรเยอะจริงๆ ก็เลยอยากจะที่จะเชิญชวนเพื่อนๆ ทุกคนลองมาเล่นกีฬานี้กันดู (ที่เขียนมาทั้งหมดก็คือหาเพื่อนเล่นเพิ่มแหล่ะ) หรือหากไม่ถนัดแนวออกกำลังกายหนักๆ ก็อาจจะหากิจกรรมที่ตัวเองที่สนใจ เพราะเราเชื่อเชื่อว่าการมีงานอดิเรกหรือกิจกรรมที่เราอินไปกับมัน จะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตด้านอื่นๆ ของเราดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ :)