สวัสดีวันตรุษจีน 2556 เนื่องวันนี้เป็นวันเที่ยว ตามธรรมเนียมชาวจีน เค้าว่ากันว่าห้ามทำงาน ไม่งั้นจะต้องทำงานหนักไปตลอดปี แล้วยังมีข้อห้ามต่างๆนาๆ เช่น ห้ามจ่ายหนี้ ไม่งั้นจะต้องจ่ายหนี้ไปตลอดปี บลาๆๆๆ
สรุปว่า logic ของคนจีน คือ “ถ้าคุณทำ… ในวันตรุษจีน วันเที่ยว คุณจะต้องทำสิ่งนั้นไปตลอดปี” ว่าแล้วก็เลยหาอะไรทำที่ไม่ได้เป็นการเป็นงานมาก เดี๋ยวจะผิดธรรมเนียมประเพณี (เดี๋ยวเที่ยงคืนจะรีบไปปั่นงานนะจ๊ะ) ได้โอกาสมาเขียนบล็อคเกี่ยวกับเรื่อง new year’s resolutions ของปีนี้ได้ทันก่อนหมดเดือนแรกของปีใหม่นี้พอดี :)
ส่วนตัวแล้ว เพิ่งจะมาเริ่มเขียน new year’s resolution ก็เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนี่เอง พอสิ้นปีเลยได้โอกาสมาย้อนดู ว่าไอ้ที่เราเขียนๆว่าจะทำโน่นนี่นั่นให้สำเร็จ มันสำเร็จจริงๆไปกี่ข้อ แล้วก็พบว่า เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จของลิสใน new year resolution ต่ำมาก เรียกว่า เขียนไว้ 10 น่าจะทำสำเร็จไว้แค่ 2-3 ข้อเท่านั้น (ใน bucket list ก็ดองไว้เยอะมาก)
ทำไมเราไปไม่ถึงเป้าหมายสักที
หลังจากหาข้อมูล ก็พบว่าเราไม่ได้เป็นโรคนี้คนเดียว ชาวบ้านเค้าก็เป็นกันเต็มเลย ประเภท ตั้งเป้าไว้วันที่ 1 มกรา พอวันที่ 31 มกรา ก็เริ่มรู้ตัวว่า ซวยแล้ว ที่ตั้งไว้ ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่างเลย เอ.. หรือจะรอเริ่มใหม่ปีหน้าเลยดีมะ อีกแค่ 11 เดือนเอง… จึงขอสรุปสิ่งที่ทำให้เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเราพัง มีดังนี้
1. เป้าหมายที่ไม่มีเป้าหมาย
คือไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เริ่มไม่ถูก ไปไม่เป็น เช่น “ฉันจะผอม สวย มี sixpack” ฟังดูดี ว่าแต่ จะต้อง “ปฏิบัติ” ยังไงถึงจะผอมสวยได้ตามเป้าหมาย จะลดข้าวเย็น จะไปวิ่ง หรือจะกินยาลดความอ้วน? คือมันไม่เคลียว่าต้องทำอะไร มันก็เริ่มไม่ได้
2. ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ยาก
ยกตัวอย่างเช่น “ปัจจุบันเป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้ 20,000 บาทต่อเดือน มีเป้าหมายถจะเก็บเงินให้ได้ 1 ล้านบาทในหนึ่งปี” ลำพังถ้าอาศัยแต่เงินเดือน แค่เก็บเงินเดือนอย่างเดียวไม่กินไม่ใช้ เก็บให้ตายก็ได้แค่ 240k อาจะมีโบนัสเพิ่มมา แต่ยังไงก็คงไปไม่ถึงเป้าหมายเงินล้านแน่ๆ
3. ตั้งเป้าหมายหลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไป
เป้าหมายประเป็นประเภท นี่ก็จะเอา โน่นก็จะทำ มักจะทำให้ล้มเหลวได้โดยงาน เช่น บอกว่า จะวิ่งทุกวัน วันละ 5k + เล่นโยคะ ทุกวัน + ปั่นจักรยานทุกวันวันละ 60k ทำได้ตามนี้ พี่ว่าน้องคงไม่มีเวลาไปทำการทำงานอย่างอื่นแล้ว ผันตัวเองไปเป็นนักแข่งไตรกีฬาเถิดด
แล้วจะทำยังไง ให้ตั้งเป้าหมายแล้วไม่ล้มพับพังระเนระนาดไปตั้งแต่ต้นปี
1. แบ่งเป้าหมายเป็นหมวดหมู่
ส่วนตัวแล้วแบ่งเป็นเรื่อง
- ธุรกิจและหน้าที่การงาน
- การเงิน
- สุขภาพ
- การพัฒนาตัวเอง
2. ตั้งเป้าหมายที่บอกว่าต้องทำอะไร และต้องเป็นสิ่งที่ทำได้จริง
ยกตัวอย่างเช่น ปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะประหยัดเงิน โดย
- ใช้จ่ายวันละ 200 บาท (เฉพาะค่ากิน ค่าใช้จ่ายๆกินดื่มทั่วๆไป ไม่รวมค่ารถค่าเดินทาง)
- จดบันทึกรายรับรายจ่ายทุกวันโดยใช้ application บนมือถือ
- เก็บก่อนใช้ ตั้งเป้า หักเงิน 40% ของรายได้เป็นเงินเก็บทุกครั้งที่ได้มา
ถามว่าฟังดูแล้วเป็นไปได้ไหม สำหรับข้อแรก “ใช้จ่ายวันละ 200” บอกเลยว่าเป็นไปได้
– กินข้าว ให้มื้อละ 50 บาท x 3 มื้อ = 150 บาท
– กินกาแฟสดแก้วละ 30-50 บาท
– แต่ถ้าเลี่ยงกาแฟสดได้ ไปกินกาแฟชงของฟรีที่ออฟฟิศแทน ก็จะเหลืออีก 50 เอาไปซื้อน้ำหวานหรือขนมอย่างอื่นกินได้อีกนะ เหลือๆเอามาหยอดกระปุกได้อีก
เวลาพูดให้เพื่อนฟังยังไง เพื่อนก็จะแบบว่า “แล้วถ้าฉันอยากกินซูชิล่ะจะทำยังไง? หรือขอแค่โอโตย่าซักมื้อก็ยังดี” ไม่ต้องห่วง เราไม่โหดร้ายกับตัวเองขนาดนั้น เราอาจจะแบ่งงบสำหรับกินอาหารมื้อใหญ่ไว้ (ให้มื้อละ 500 บาทไปเลย) อาจจะให้ไว้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เผื่อไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง พาแฟนไปกินดินเนอร์ หรือพาแม่ไปกิน mk
3. เลือกให้เหลือเป้าหมายให้น้อยที่สุด
เค้าว่ากันว่าสิ่งที่จะทำให้คนเราทำอะไรสำเร็จก็คือ “FOCUS” ฉะนั้น ให้เลือกเป้าหมายให้น้อยที่สุดที่อยากทำให้สำเร็จ แล้วทำให้สำเร็จไปซะ ไม่งั้นทุกอย่างก็จะคาราคาซังเป็นลิสค้างปีทับถมไปเรื่อยๆ
4. มีผู้ให้การสนับสนุน
เรื่องนี้เบสิคมาก หากคุณทำอะไรก็ตาม แล้วมีคนมาคอยเชียร์ คอยให้กำลังใจ เห็นความสำคัญ ก็ไม่ยากที่คุณจะมีกำลังใจทำจนไปถึงเป้าหมายได้
สำหรับผู้ที่ต้องการ track เป้าหมายเล็กๆทุกวัน ขอแนะนำแอพ Lift (มีทั้ง iOS และ Android) เป็น social habit tracker โดยสามารถเข้าร่วมขบวนของสิ่งที่ต้องการจะทำได้ เช่น อยากงดดื่มน้ำอัดลม ก็จะมีกรุ๊ปให้เราเข้าไปร่วม วันไหนไม่ได้ดื่มน้ำอัดลม ก็เข้าไปเช็คว่านี่ วันนี้ชั้นทำสำเร็จนะจ๊ะ ผู้ร่วมกรุ๊ปคนอื่นสามารถคอมเม้น กดไลค์สิ่งที่เราทำได้ แอพนี้อยากได้เพื่อนๆพี่ๆ คนรู้จักใช้กันเยอะๆ น่าจะสนุกและมีประสิทธิภาพมาก เพราะตอบโจทย์เรื่องการมีคน support การกระทำของเรา (คนดังๆในวงการ tech / startup ใช้กันเยอะด้วยนะ อยากรู้ว่าพวกคนที่ประสบความสำเร็จไปแอบดูก็ได้ว่าวันๆเค้าทำอะไรกันบ้าง)
แล้วเป้าหมายของคุณโบล่ะ?
จริงๆแล้วโพสนี้ ตั้งใจจะเขียนเป้าหมายของตัวเอง จะได้มาตาม track ได้ว่า เราทำได้ตามเป้าหมายมั้ย
ธุรกิจและหน้าที่การงาน: มีธุรกิจของตัวเองสักที!
- เข็น Fastinflow startup ของตัวเองที่ทำกับพี่โน้ต ออกสู่ท้องตลาดให้ได้
- สร้างธุรกิจส่วนตัว ที่มีรายได้แบบ passive income อย่างน้อย 1 ธุรกิจ
การเงิน: ประหยัดเงิน และมีเงินเก็บเป็นเรื่องเป็นราว
- กินใช้วันละ 200 บาท
- จดบันทึกรายรับรายจ่ายทุกวันโดยใช้ application บนมือถือ
- เก็บก่อนใช้ ตั้งเป้า หักเงิน 40% ของรายได้เป็นเงินเก็บทุกครั้งที่ได้มา
สุขภาพ: มีสุขภาพแข็งแรง ดูอ่อนกว่าวัย
- วิ่ง 5k อาทิตย์ละ 3 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ (อนุญาติเฉพาะงานที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น เช่น งานแต่งเพื่อน สังสรรค์ครั้งใหญ่)
การพัฒนาตัวเอง
- อ่านหนังสือวันละ 1 ชั่วโมง
- เขียนบล็อคอย่างน้อย เดือนละ 2 ครั้ง
- ตามเก็บคอร์สเรียนออนไลน์ต่างๆที่ซื้อดองไว้ทั้งบน Skillshare, Udemy
- ฝึกภาษาอังกฤษทุกวัน โดย การฟัง podcast/อ่านหนังสือ/ดูหนัง
แล้วเป้าหมายของคุณล่ะ?
สรุป แม้ว่าเป้าหมายส่วนมากจะล้มเหลว แต่อย่างน้อยการมีเป้าหมายก็ยังดีกว่าไม่มี แล้วปีหน้ามาดูกัน ว่าที่เขียนๆไว้สิบกว่าข้อข้างบนจะมีอันไหนสำเร็จบ้าง :)