หนังสือ The Minimalist Entrepreneur คือหนังสือเรื่องการสร้างธุรกิจที่ชอบมากๆ และมาได้ตรงกับจังหวะชีวิตตัวเองในตอนนี้
หนังสือเล่มนี้ เขียนโดยเจ้าของ Startup ที่เขาเคยตั้งเป้าใฝ่ฝันจะเป็น Unicon (บริษัทมูลค่า $1B+)
แต่ไม่ว่าจะไล่ตามยังไง ก็ไปไม่ถึงซักที…
สุดท้ายเขาก็เลยมาตกผลึกกับตัวเองว่า มันยังมีวิธีทำธุรกิจที่
- ทำแล้วมีความสุข
- ทำได้ดี
- มี impact ต่อโลก
- มีคนจ่ายเงิน
ใช่แล้ว, หนังสือเล่มนี้คือ Ikigai ฉบับ Practical นั่นเอง :)
ซึ่งในหนังสือได้แบ่งวิธีการเป็นผู้ประกอบการแบบ Minimalist เอาไว้ 7 ขั้นดังนี้
- กำไรต้องมาก่อน
- เริ่มจาก Community
- สร้างให้น้อย (น้อยกว่าที่เคยคิดว่าน้อย!)
- หาลูกค้า 100 คนแรกให้ได้ก่อน
- Marketing แบบที่เป็นตัวเรา
- เติบโตแบบมีสติ
- สร้างบ้านที่คุณอยากจะอยู่
1. กำไรต้องมาก่อน
สำหรับ Minimalist Entrepreneur ไม่ควรโฟกัสที่ธุรกิจที่ต้องใช้เงินมาสร้างมาลงทุนเยอะ แล้วค่อยหาวิธีหาเงินทีหลัง
ธุรกิจที่เราควรทำคือ ธุรกิจที่ทำกำไรตั้งแต่ Day 1
ซึ่งก็คือการสวมหมวกเป็น Creator สร้าง Product ที่คนยอมจ่ายเพื่อจะแก้ปัญหาโดยเริ่มจากคนและสังคมที่เราแคร์ ดูว่าเขามีปัญหาอะไร เราจะสร้างอะไรมาแก้ปัญหานั้นได้บ้าง…
2. เริ่มจาก Community
community → problem → product →business
ในการเริ่มธุรกิจ เราต้องหา Niche Market ให้เจอ
ซึ่งในหนังสือเล่มนี้เขาแนะนำให้เราหาตลาดโดยการเข้าไปใน Community ที่เราสนใจ
โดย community ที่เราสนใจนั้น ต้องมีขนาดใหญ่พอ และคนมีเงินจะจ่ายเพื่อแก้ปัญหา (ก็คือมีปัญหาที่คนเหล่านั้นยังแก้กันไม่ได้)
วิธีที่เราจะเข้าไปสร้างตัวตนใน Community นั้น เราต้องเป็นคน 1% = Contributor / Creator ก็คือคนที่สร้างและให้ ผ่านการสอน การแชร์ การไปช่วยตอบคำถาม ไป Contribute
ซึ่งเมื่อเราทำอย่างสม่ำเสมอ คนใน community ก็จะค่อยๆ สังเกตและเชื่อถือในตัวเรา
เมื่อเราคลุกคลีใน community แล้ว ช่วงเวลานี้ล่ะที่เราจะเริ่มมองเห็น Product Market Fit จากปัญหาที่เขาเจอกันอยู่ทุกๆ วัน…
3. สร้างให้น้อย (น้อยกว่านั้นอีก!)
สำหรับสาย Startup น่าจะรู้จักคำว่า
MVP = Minimal Viable Product
ซึ่งคือการสร้าง Product ให้น้อยที่สุด ที่เพียงพอจะตอบโจทย์ลูกค้าได้
แต่หนังสือเล่มนี้ไปไกลกว่านั้น
MVP = Manual Valuable Process
คือห้ามสร้าง Product แต่ให้สร้าง Process ให้ปึ้กก่อน!
1) สร้าง Process
2) ปรับปรุงพัฒนา
3) เมื่อ Perfect ค่อย Automate (สร้าง)
ตัวอย่างเช่น เรามีไอเดียจะสร้าง App แนะนำร้านอาหารสำหรับชาว Vegan
แทนที่จะเริ่มโดยไปจ้างคนมาสร้าง App ที่อาจจะต้องใช้เงินหลักแสนหลักล้าน
เราสามารถเริ่มด้วยการโพสต์ลง Social ว่า เราจะมีบริการนี้นะ พอมีคนทัก ก็ส่งลิสต์ร้านไปให้ และก็ keep track เก็บ Feedback ที่ได้จากบริการแบบ Manual ของเรานี่ล่ะ
เป้าหมายคือการหาวิธีแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้จริง ก่อนที่จะไป scale ด้วยการสร้าง Product ที่มีราคาแพง…
4. หาลูกค้า 100 คนแรก
การขายในช่วงแรก = การเรียนรู้หา Insight
แล้วเราจะลูกค้า 100 คนแรก ได้จากไหน?
1) เพื่อนและครอบครัว
2) คนใน Community ในข้อ 3.
3) Cold Email/Message
สิ่งสำคัญคือ
– ต้องเก็บเงิน ขีดเส้นใต้หนาๆ “ห้ามให้ฟรีเด็ดขาด”
– เก็บข้อมูล ขายได้ “ทำไมซื้อ” ขายไม่ได้ “ทำไมไม่ซื้อ”
– เอา Insight ที่ได้มาปรับเพื่อขายคนถัดไป
5. Marketing แบบที่เป็นตัวเรา
“Marketing คือการสร้าง FAN ไม่ใช่การเขียนข้อความ ทำรูปโพสต์สวยๆ ไปวันๆ”
คนไม่สนใจว่าเรากินอะไร ไปเที่ยวไหน ฉะนั้นไม่ต้องแชร์เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง อันนี้เราต้องชัดเจนกับตัวเอง ถ้าเราอยากจะใช้พื้นที่ส่วนตัวเป็นช่องทางการสร้าง Audience ก็ต้องวางแผนคอนเทนต์ใหม่ ให้เป็น Content ที่กลุ่ม Target เราสนใจได้ประโยชน์ ไม่ใช่คอนเทนต์ที่ “ฉันอยากแชร์”
ใส่ความคิดเห็น เป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่ได้เรียนรู้ ซึ่ง ซึ่ง ต้องเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเขาด้วย
ถ้าไม่รู้จะเริ่มทำ Content แบบไหน
ให้ “Educate, Inspire, Entertain”
Level 1: ให้ความรู้ข้อนี้ง่ายสุด คือการสรุปเอาความรู้ที่มีอยู่มาแชร์ เขียนในภาษาเรา สรุปให้เข้าใจง่ายขึ้น
Level 2: +ให้แรงบันดาลใจใส่ประสบการณ์ตรง ความคิดเห็นของเราเข้าไป
Level 3: +ให้ความบันเทิงข้อนี้ท้าทาย ต้องมีประสบการณ์มากพอ จึงจะเล่นอะไรให้สนุก เข้าท่า โดยที่ยังไม่เขวไปเรื่องอื่น
6. เติบโตแบบมีสติ
หนังสือเล่มนี้แนะนำให้รู้จักคำว่า Profitable Confidence
Profitable Confidence คือ เมื่อเรามีกำไรจะทำให้เกิดความมั่นใจ มั่นคง มีอิสระในการทำธุรกิจ มีเวลา มี buffer ให้เรายังคงสร้าง Product ให้บริการลูกค้าโดยไม่เขวเพราะต้องทำตามนักลงทุน
อย่าใช้เงินที่เราไม่มี (เช่นเงินจาก investor) และอย่าใช้เงินกับสิ่งที่ไม่จำเป็นอย่าง Office
อย่าจ้างคน ให้ใช้ Software หรือถ้าต้องใช้คนให้ Outsource ก่อน
7. สร้างบ้านที่คุณอยากจะอยู่
ก่อนจะชวนใครมาบ้าน เราต้อง set บ้านของเราให้อยู่ในรูปแบบที่เราต้องการก่อน
ซึ่งสิ่งที่ควรทำก็คือ การสร้าง Core Values (ยิ่งสร้างเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี)
แต่ระวังอย่าให้มันเป็น Core Values ของคนใดคนหนึ่งในบริษัท แต่ต้องเป็น Core Values ที่เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ ทั้งกับลูกค้า กับพนักงาน และกับบริษัท
ข้อนี้เราเคยพลาดเหมือนกัน โดยการเอา core values ของเจ้าของบริษัทมาใช้ซะเยอะเกินกว่าจำเป็น…
Minimalist Entrepreneur คือ Ikigai ฉบับทำตามได้จริง
นี่คือแนวทางการสร้างธุรกิจที่
- เราทำแล้วมีความสุข
- เราทำได้ดี
- เลี้ยงตัวเองได้
- โลกต้องการ มี impact (เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี)
โดย เริ่มที่ Community ก่อนไป Process
พัฒนา Process ก่อนสร้าง Product
ขายให้ได้ก่อนทำ Marketing
และทำ Marketing ก่อนที่ไป Scale
เอาเป็นว่า เล่มนี้แนะนำสุดๆ เป็นหนังสือ Business ที่ Real ไม่ BS และเอาแกนของความสุข ความจริงในโลกที่ผู้เขียนผู้ซึ่งอยู่ในโลกทุนนิยิมสุดๆ (startup, venture capital) ตกผลึกมาใช้เยอะเลย
ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างอินมากๆ
ถ้าถามว่าการทำธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ อ่านหนังสืออะไรดี ก็จะแนะนำเล่มนี้แหล่ะ
พออ่านจบเลยอยากจะเขียนแชร์ ใครที่เชื่อมั่น สนใจในการทำธุรกิจแนวนี้เหมือนกัน น่าจะได้ประโยชน์ค่ะ
หากสนใจเรื่องหนังสือ สามารถคลิกไปที่หน้ารวมหนังสือแนะนำได้เลยค่ะ